หลังปีใหม่พุ่งแน่! ป่วยโควิด เพิ่ม2เท่าตัว สธ. เร่งสอบปมหนุ่มดับฉับพลัน

สธ. เผยรักษา โควิด แบบผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นเท่าตัวต่อสัปดาห์ เตือน ปีใหม่ติดเชื้อพุ่งแน่ วอนติดเชื้อแยกกักให้ 5 วัน เร่งสอบปมหนุ่มวัย 30 ปี ป่วยดับฉับพลัน

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกณีพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 มีจำนวนมากขึ้น ว่า เมื่อผู้ติดเชื้อมีมากขึ้น จึงมีโอกาสที่เชื้อไปสู่กลุ่ม 608 กลุ่มโรคร่วมได้มากขึ้น ข้อมูลผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม 608 ผู้มีโรคร่วมและไม่ฉีดวัคซีน โดยผู้เสียชีวิต 70% เป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนน้อยกว่า 3 เข็ม, 50% ไม่ฉีดวัคซีนเลย และ 20% ฉีดแค่ 2 เข็ม

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาจากมาตรการผ่อนปรนวิถีชีวิตมากขึ้น ขณะที่ผู้ติดเชื้ออาการน้อยรักษาแบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลพบมากขึ้น จากเดิมสัปดาห์ละ 2,000 คน เพิ่มเป็นเท่าตัวเฉลี่ยสัปดาห์ละ 4,000 คน หรือวันละ 700-800 คน ดังนั้น จึงมีโอกาสความเสี่ยงจะไปติดคนอื่นได้ ดังนั้น ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนจึงเป็นกลุ่มที่อันตรายที่สุด คนที่ได้รับวัคซีนแล้วเปรียบเสมือนโรงงานผลิตภูมิคุ้มกันที่จะไปต่อสู้กับเชื้อ

“สถานการณ์เตียงรองรับผู้ป่วยโควิด 19 รวมทุกระดับขณะนี้ใช้ไปประมาณ 35% ยังมีเตียงว่างรองรับผู้ป่วยอีกกว่า 60% แต่หากสถานการณ์รุนแรงจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพิ่มก็เตรียมพร้อมขยายได้ทันที” นพ.ธงชัย กล่าว

นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร

นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ช่วงปีใหม่นี้เพิ่มขึ้นแน่นอน เนื่องจากอากาศเย็นลง ไม่เฉพาะโควิดแต่เชื้อไวรัสทุกตัวสามารถอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นได้นานมากขึ้น ส่งผลให้แพร่ระบาดมากขึ้น จึงต้องขอความร่วมมือผู้ป่วยที่รักษาแบบ OPD ให้กักตัวเองอย่างน้อย 5 วัน หากจำเป็นต้องออกไปภายนอกพยายามป้องกันไม่ให้ไปติดผู้อื่น โดยเฉพาะมาตรการสวมหน้ากาก ล้างมือ

นพ.ธงชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแน่นอนช่วงปีใหม่ แต่จะขึ้นมากหรือน้อยอยู่กับการปฏิบัติตนของทุกคน ไม่มีการปิดประเทศแน่นอน เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไป ขณะนี้ได้มอบนโยบายให้สถานพยาบาลในสังกัดเร่งรณรงค์ฉีดวัคซีน เปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ หากได้รับวัคซีนช่วงนี้ก็จะป้องกันได้ทั้งช่วงปีใหม่นี้และยังมีภูมิต่อเนื่องไปได้ถึงช่วงสงกรานต์

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีโรคร่วมเมื่อติดโควิดแล้วคิดว่าตัวเองอาการไม่รุนแรง จึงไม่มาโรงพยาบาลรักษาจะเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นพ.ธงชัย กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยรายหนึ่งที่อายุ 30 กว่าปี อยู่ในวัยทำงานถือว่าอายุยังน้อยและเสียชีวิตเฉียบพลันที่บ้าน กรมควบคุมโรคกำลังวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตของรายดังกล่าว

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ คงต้องวิเคราะห์สาเหตุว่ามีการติดเชื้ออื่นร่วมด้วยหรือไม่ กรณีที่เกิดจากโควิด อาการจะไม่เสียชีวิตทันที แต่จะมีอาการเหนื่อยหอบก่อนเพราะเชื้อไวรัสโควิดจะลงสู่ปอด แต่เชื้อไวรัสตัวอื่นบางตัวก็มีผลต่อหัวใจ จึงต้องวิเคราะห์ว่าเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อนหรือจากโควิด